บทที่ 9 ตอนที่ 9
“แล้วทำไมไม่ไปแจ้งเจ้าของไร่ล่ะ ผมว่าเขาน่าจะจัดการให้ได้นะ”
ราเชนทร์พยายามออกความคิดเห็นกลางๆ แต่สมชายรีบเบรกทันที
“แจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ก็คนที่ก่อเรื่องคือลูกสาวเจ้าของไร่”
“ลูกสาวหรือ”
ราเชนทร์ถามซ้ำ รู้สึกช็อกแทบตกเก้าอี้ นี่ม่านทองก๋ากั่นขนาดนี้เชียวหรือ
“ใช่ครับ มือหนัก ตีนหนัก แถมปากยิ่งกว่ากรรไกรเสียอีก ในอำเภอนี้ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับแม่นี่หรอกครับ”
“เธอชื่อม่านทองใช่ไหม”
สมชายผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ใช่ครับ แม่คนนี่ชื่อสไบนาง เป็นลูกสาวคนโตของคุณวัตถากับคุณอัสกร ทำตัวยังกับทอมบอยเลี้ยงลูกสมุนให้พรึ่บ”
ลมหายใจโล่งอกของราเชนทร์ค่อยๆ ถูกผ่อนออกมา สบายใจไปเปาะหนึ่งแล้วที่ม่านทองไม่ได้เป็นตัวปัญหาอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก
“แล้วน้องสาวล่ะ ชื่อม่านทองใช่หรือเปล่า”
“ใช่ครับ” สมชายตอบรับ
“แล้วเธอเป็นเหมือนพี่สาวหรือเปล่า”
เป็นอีกครั้งที่สมชายส่ายหน้า
“ไม่เหมือนเลยครับ รายนั้นเรียบร้อยครับ ขยันเรียน เห็นว่าจะจบพยาบาลในปีนี้แหละครับ”
นัยน์ตาของราเชนทร์แวววาวขึ้นด้วยความพึงพอใจ
“จบพยาบาลหรือ”
“ครับ เอ่อ ว่าแต่คุณราเชนทร์ถามทำไมเหรอครับ”
คำถามของสมชายที่เต็มไปด้วยความแคลงใจทำให้ราเชนทร์ต้องรีบตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ แล้วนี่พอจะมีชุดคนงานให้ผมเปลี่ยนบ้างไหมครับ”
“คุณราเชนทร์จะเอาไปทำไมครับ”
“ผมอยากทำตัวให้กลมกลืนกับคนงานในไร่น่ะครับ พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกหวาดระแวงเมื่อเห็นผมเดินไปเดินมาอยู่ในไร่”
สมชายร้องอ๋อในลำคอก่อนจะรีบตอบรับ
“มีครับ งั้นคุณราเชนทร์รออยู่ตรงนี้แป๊บนะครับ ผมจะรีบไปหยิบมาให้”
“ไม่ต้องรีบนะน้าสมชาย ผมรอได้”
ราเชนทร์กล่าวเตือนสมชายด้วยความหวังดี ก่อนจะหมุนตัวมองสำรวจไปรอบๆ อาณาเขตของไร่ส้มของตัวเองด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ไม่น่าเชื่อว่าบรรยากาศจะดีแบบนี้”
สายลมพัดเข้ามาปะทะเรือนกายให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำผิดแผกไปจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในเมืองหลวง บางทีอาทิตย์เดียวอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำกับการได้สัมผัสโอโซนแสนบริสุทธิ์ของที่นี่
หมู่บ้านเนินมะปราง...
“มาแล้วครับ คุณราเชนทร์”
สมชายวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาในเวลาอันรวดเร็วพร้อมๆ กับชุดคนงานในมือ
“แต่ชุดผมมันเก่าหน่อยนะครับ มีรอยขาดด้วย นี่ผมเลือกชุดที่ดีที่สุดให้แล้วนะครับ”
ราเชนทร์ยื่นมือไปรับมาถือเอาไว้อย่างไม่เกี่ยงงอน และเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ
“แค่นี้ผมก็ขอบคุณมากแล้วล่ะครับ”
สมชายยิ้มหน้าบาน
“งั้นผมไปเปลี่ยนชุดก่อน น้าสมชายมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“เอ่อ ให้ผมรอพาไปเดินดูไร่ไหมครับ”
หนุ่มหล่อเมืองกรุงระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะส่ายหน้า
“ไร่ไม่กว้างมากนัก ผมเดินคนเดียวน่าจะสะดวกกว่า น้าสมชายไปทำงานเถอะครับ”
เมื่อถูกปฏิเสธจากผู้เป็นนายใหม่สมชายจึงจำต้องยอมทำตามคำสั่ง
“ครับคุณราเชนทร์ แต่ถ้าอยากรู้อะไรหรือไม่เข้าใจอะไรเรียกผมได้ทุกเมื่อนะครับ”
“ขอบใจ”
ราเชนทร์กล่าวคำสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นไปบนบ้านที่ตอนนี้ถูกทำความสะอาดเอาไว้อย่างเอี่ยมอ่องเพื่อต้อนรับนายคนใหม่อย่างเขานั่นเอง สมชายมองตามร่างสูงของเจ้านายใหม่ไปจนลับสายตา และก็อดพึมพำสบประมาทไม่ได้
“หล่อตี๋ยังกับหนุ่มเกาหลีแบบนี้จะทนแดดได้สักกี่น้ำกันวะ” หัวหน้าคนงานส่ายหน้าก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปในไร่
สไบนางกับส้มจุกลูกสมุนคนสนิทกำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ข้างรั้วไม้สีขาวที่ปักเป็นแนวแบ่งเขตระหว่างสองไร่
“ลูกพี่มาท้ายไร่ทำไมกันครับ น่ากลัวจะตาย”
“เอ็งอย่าทำมาเป็นปอดแหกตอนนี้ เดี๋ยวข้าตบกบาลแยกเลย”
แค่สไบนางทำท่าเงื้อมือไอ้ส้มจุกก็กลัวจนหัวหดจำต้องเออออตามคำสั่งของเจ้านายอย่างไม่มีทางเลือก
“ครับ ลูกพี่ ผมไม่พูดแล้ว”
“รู้ก็ดีแล้ว เงียบๆ และตามหลังข้ามา”
คนที่ย่อตัวอยู่กับก่อหญ้าข้างรั้วค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ก่อนจะกระโดดข้ามรั้วสีขาวไปในไร่ฝั่งตรงข้ามอย่างคล่องแคล่วราวกับตัวเองไม่ใช่สตรี หางม้าของปลายผมกวัดแกว่งไปมาราวกับสายลมไหว มันคงเป็นภาพที่สวยงามกว่านี้หากเจ้าของปลายผมหางม้าจะไม่ใช่สไบนางแม่สาวแก่นแก้วแห่งบ้านเนินมะปราง ไอ้ส้มจุกมองแล้วก็ปลงตก
“ชักช้าอยู่ได้ไอ้ส้มจุก กระโดดข้ามมาเร็วสิ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าหรอก”
“ครับ ลูกพี่”
ส้มจุกกำลังจะทำตามที่ลูกพี่สาวบอกแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ผิวขาวสะอาดคนหนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ร่างของสไบนาง
“รีบมาสิ ทำหน้าราวกับเห็นผีไปได้”
เมื่อเห็นลูกสมุนเอาแต่ยืนขาสั่น สไบนางก็ตวาดอย่างไม่พอใจ
“ลูก... ลูกพี่...”
“อะไรของเอ็ง นี่จะข้ามมาเองดีๆ หรือว่าต้องให้ข้าไปจับเอ็งโยนเข้ามา ไอ้ส้มจุก”
แม้หล่อนจะข่มขู่แค่ไหนแต่ลูกน้องที่ไม่เคยขัดใจอย่างไอ้ส้มจุกก็ยังคงยืนขาสั่น แถมยังชี้นิ้วไปด้านข้างซ้ายมือของหล่อนอีกด้วย
“อะไรของเอ็ง... วะ....”
และเมื่อหันไปมองตามนิ้วของลูกน้องที่ตอนนี้ยังยืนขาสั่นอยู่นอกรั้วก็ต้องชะงักเงิบไปหลายวินาที เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อนมั่นใจว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนปรากฏตัวขึ้นข้างกาย แต่อะไรทั้งหมดทั้งมวลมันก็คงไม่ร้ายกาจเท่ากับที่หล่อนตกตะลึงจ้องมองผู้ชายแปลกหน้าคนนี้แล้วอ้าปากค้างราวกับคนปัญญาอ่อนหรอก
แม้เขาจะไม่ได้หล่อเหลาราวกับซงจุงกิพระเอกเกาหลีที่กำลังดังทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนี้ แต่... แต่พ่อเจ้าประคุณกลับทำให้ผู้หญิงห้าวกระด้างและไม่เคยถูกตาต้องใจผู้ชายคนไหนมาก่อนลืมหายใจไปได้ชั่วขณะ
